หากแอปในอุปกรณ์ของท่านทำงานไม่ถูกต้อง กรุณาลองดำเนินการต่อไปนี้ทีละอย่าง ยืนยันหลังจากการดำเนินการแต่ละอย่างว่าแก้ไขปัญหาได้แล้วหรือไม่ก่อนที่จะลองวิธีถัดไป
หมายเหตุ
แอปที่ดาวน์โหลดไว้ ซึ่งท่านไม่ได้ดาวน์โหลดจาก Google Play อาจไม่เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับอุปกรณ์ของท่าน หากการดำเนินการต่อไปนี้แก้ไขปัญหาไม่ได้ กรุณาติดต่อผู้พัฒนาแอปสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
คำชี้แนะ
ขั้นตอนต่อไปนี้อาจแตกต่างกันใน Android เวอร์ชันต่างๆ ถ้าต้องการเรียนรู้ว่าอุปกรณ์ของท่านใช้ Android เวอร์ชันอะไร กรุณาหาและแตะที่การตั้งค่า (Settings) → เกี่ยวกับโทรศัพท์ (About phone) → เวอร์ชัน Android หากท่านไม่พบเกี่ยวกับโทรศัพท์ (About phone) ในการตั้งค่า (Settings) กรุณาแตะที่ระบบ (System)
- บังคับให้แอปหยุดการทำงาน แล้วเปิดแอปอีกครั้ง
วิธีบังคับให้แอปหยุดทำงาน (Android 12/Android 11/Android 10/Android 9)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แอปและการแจ้งเตือน (Apps & notifications)
- ค้นหาและแตะแอปที่ท่านต้องการหยุด
- แตะที่ บังคับให้หยุดทำงาน (Force stop) → ตกลง (OK)
วิธีบังคับให้แอปหยุดทำงาน (Android 8)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แอปและการแจ้งเตือน (Apps & notifications) → ข้อมูลแอป (App inf)
- ค้นหาและแตะแอปที่ท่านต้องการหยุด
- แตะที่ บังคับให้หยุดทำงาน (Force stop) → ตกลง (OK)
- หากแอปต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต กรุณาตรวจสอบว่าอุปกรณ์มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ใช้งานได้ (Wi-Fi หรือเครือข่ายมือถือ) และปิดโหมดเครื่องบินแล้ว
วิธีปิดโหมดใช้งานบนเครื่องบิน (Airplane mode)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & Internet)
- แตะที่ โหมดเครื่องบิน (Airplane mode) เพื่อปิดใช้งานฟังก์ชัน ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- เริ่มการทำงานของอุปกรณ์ของท่านใหม่แล้วลองใช้แอปอีกครั้ง
- หากอุปกรณ์ของท่านสนับสนุนโหมด STAMINA และเปิดใช้โหมดดังกล่าวอยู่ ให้ปิดใช้งานและเริ่มการทำงานของอุปกรณ์ของท่านใหม่ คุณสมบัติต่างๆ จะถูกจำกัดหรือปิดใช้งานเพื่อลดการใช้แบตเตอรี่โดยขึ้นอยู่กับระดับ STAMINA ซึ่งรวมถึงประสิทธิภาพการแสดงผล ความสว่างหน้าจอ การปรับปรุงภาพ และ GPS ในขณะที่หน้าจอปิดอยู่ การซิงโครไนซ์ข้อมูลแอปในพื้นหลังหรือสตรีมมิ่งอาจถูกปิดใช้งานสำหรับบางแอปพลิเคชัน
ถ้าต้องการปิดใช้งานโหมด STAMINA (Android 12/Android 11/ Android 10)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แบตเตอรี่ (Battery) → โหมด STAMINA (STAMINA mode)
- แตะที่ ปิดเลย (Turn Off Now)
ถ้าต้องการปิดใช้งานโหมด STAMINA (Android 9/Android 8)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แบตเตอรี่ (Battery) → โหมด STAMINA (STAMINA mode)
- แตะสวิตช์เพื่อปิดใช้งานโหมด STAMINA
ถ้าต้องการเริ่มการทำงานอุปกรณ์ของท่านใหม่
หมายเหตุ
อุปกรณ์ของท่านอาจเริ่มใหม่ไม่ได้หากระดับแบตเตอรี่ต่ำ เชื่อมต่ออุปกรณ์ของท่านกับเครื่องชาร์จ และลองเริ่มใหม่อีกครั้ง
- กดปุ่มเปิดปิดค้างไว้
- ในเมนูที่เปิดขึ้น กรุณาแตะที่ เริ่มใหม่ (Restart) อุปกรณ์จะเริ่มใหม่โดยอัตโนมัติ
- อัปเดตแอปใน Google Play หากท่านไม่ได้เป็นเวอร์ชันล่าสุด บางแอปไม่สามารถอัปเดตใน Google Play ได้
- ลบแคชของแอปเพื่อลบไฟล์ชั่วคราวในหน่วยความจำของแอปที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหา ท่านจะไม่สูญเสียข้อมูลส่วนตัวใดๆ จากการลบแคช
ถ้าต้องการล้างแคชแอปพลิเค (Android 12/Android 11/Android 10)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แอปและการแจ้งเตือน (Apps & notifications)
- เลือกแอปพลิเคชันหรือบริการ แล้วแตะที่ หน่วยความจำและแคช (Storage & cache) → ล้างแคช (Clear cache)
หมายเหตุ
ตัวเลือกสำหรับลบแคชแอปพลิเคชันจะไม่มีในบางแอปพลิเคชันหรือบริการ
ถ้าต้องการล้างแคชแอปพลิเคชัน (Android 9)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แอปและการแจ้งเตือน (Apps & notifications)
- เลือกแอปพลิเคชันหรือบริการ แล้วแตะที่ หน่วยความจำ (Storage) → ล้างแคช (Clear cache)
หมายเหตุ
ตัวเลือกสำหรับลบแคชแอปพลิเคชันจะไม่มีในบางแอปพลิเคชันหรือบริการ
ถ้าต้องการล้างแคชแอปพลิเคชัน (Android 8)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แอปและการแจ้งเตือน (Apps & notifications) → ข้อมูลแอป (App inf)
- เลือกแอปพลิเคชันหรือบริการ แล้วแตะที่ หน่วยความจำ (Storage) → ล้างแคช (Clear cache)
หมายเหตุ
ตัวเลือกสำหรับลบแคชแอปพลิเคชันจะไม่มีในบางแอปพลิเคชันหรือบริการ
- ลบข้อมูลแอปทั้งหมดที่แอปได้บันทึกไว้นับตั้งแต่ท่านเริ่มต้นใช้งานแอป โปรดทราบว่าข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดที่แอปบันทึกไว้ เช่น ข้อมูลการล็อกอินและการตั้งค่า จะถูกลบออก
ถ้าต้องการล้างข้อมูลแอปพลิเคชัน (Android 12/Android 11/Android 10)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แอปและการแจ้งเตือน (Apps & notifications)
- เลือก แอปพลิเคชันหรือบริการ แล้วแตะที่ หน่วยความจำและแคช → ล้างหน่วยความจำ (Clear storage) → ตกลง (OK)
หมายเหตุ
เมื่อท่านลบข้อมูลแอปพลิเคชัน ข้อมูลของแอปพลิเคชันที่เลือกจะถูกลบออกจากอุปกรณ์ของท่านอย่างถาวร ตัวเลือกสำหรับลบข้อมูลแอปพลิเคชันจะไม่มีในบางแอปพลิเคชันหรือบริการ
วิธีล้างข้อมูลแอปพลิเคชัน (Android 9)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แอปและการแจ้งเตือน (Apps & notifications)
- เลือกแอปพลิเคชันหรือบริการ แล้วแตะที่ หน่วยความจำ (Storage) → ล้างข้อมูล (Clear data) → ตกลง (OK)
หมายเหตุ
เมื่อท่านลบข้อมูลแอปพลิเคชัน ข้อมูลของแอปพลิเคชันที่เลือกจะถูกลบออกจากอุปกรณ์ของท่านอย่างถาวร ตัวเลือกสำหรับลบข้อมูลแอปพลิเคชันจะไม่มีในบางแอปพลิเคชันหรือบริการ
วิธีล้างข้อมูลแอปพลิเคชัน (Android 8)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แอปและการแจ้งเตือน (Apps & notifications) → ข้อมูลแอป (App inf)
- เลือกแอปพลิเคชันหรือบริการ แล้วแตะที่ หน่วยความจำ (Storage) → ล้างข้อมูล (Clear data) → ตกลง (OK)
หมายเหตุ
เมื่อท่านลบข้อมูลแอปพลิเคชัน ข้อมูลของแอปพลิเคชันที่เลือกจะถูกลบออกจากอุปกรณ์ของท่านอย่างถาวร ตัวเลือกสำหรับลบข้อมูลแอปพลิเคชันจะไม่มีในบางแอปพลิเคชันหรือบริการ
- ถอนการติดตั้งอัปเดตทั้งหมดสำหรับแอปนั้น เพื่อรีเซ็ต ข้อมูลส่วนตัวที่แอปบันทึกไว้จะลบออกไปทั้งหมด เช่น ข้อมูลการล็อกอินและการตั้งค่า หากเป็นไปได้ กรุณาอัปเดตแอปอีกครั้งใน Google Play
ถ้าต้องการถอนการติดตั้งการอัปเดตสำหรับแอป (Android 12/Android 11/Android 10/Android 9)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แอปและการแจ้งเตือน (Apps & notifications)
- ค้นหาและแตะแอปที่ไม่ทำงาน
- ถ้าหากมี กรุณาแตะที่ (ไอคอนเพิ่มเติม (More icon)) → ถอนการติดตั้งการอัปเดต (Uninstall updates) → ตกลง (OK)
ถ้าต้องการถอนการติดตั้งการอัปเดตสำหรับแอป (Android 8)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แอปและการแจ้งเตือน (Apps & notifications) → ข้อมูลแอป (App inf)
- ค้นหาและแตะแอปที่ไม่ทำงาน
- ถ้าหากมี กรุณาแตะที่ (ไอคอนเพิ่มเติม (More icon)) → ถอนการติดตั้งการอัปเดต (Uninstall updates) → ตกลง (OK)
- ถอนการติดตั้งแอป แล้วติดตั้งแอปอีกครั้ง โปรดทราบว่าแอปที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าบางแอปไม่สามารถถอนการติดตั้งได้
ถ้าต้องการถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันจากหน้าจอแอปพลิเคชัน (Android 12/Android 11/Android 10)
หมายเหตุ
แอปที่ดาวน์โหลดมาเท่านั้นที่สามารถถอนการติดตั้งอย่างสมบูรณ์ได้
- แตะไอคอนแอปค้างไว้จนกว่าอุปกรณ์จะสั่น
- ในเมนูที่เปิดขึ้นมา กรุณาแตะที่ ข้อมูลแอป (App info) → ถอนการติดตั้ง (Uninstall)
ถ้าต้องการถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันจากหน้าจอแอปพลิเคชัน (Android 9/Android 8)
หมายเหตุ
แอปที่ดาวน์โหลดมาเท่านั้นที่สามารถถอนการติดตั้งอย่างสมบูรณ์ได้
- แตะไอคอนแอปค้างไว้จนกว่าอุปกรณ์จะสั่น
- ในเมนูที่เปิดขึ้นมา แตะที่ (ไอคอนถอนการติดตั้งแอป) → ตกลง (OK)
- อัปเดตอุปกรณ์ของท่านเพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดและการปรับปรุงล่าสุด
- ดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน ในบางครั้ง นี่คือวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดหากอุปกรณ์ของท่านทำงานไม่ถูกต้อง แต่โปรดทราบว่าวิธีนี้จะลบเนื้อหาส่วนบุคคลทั้งหมดที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านออกไป ตรวจสอบว่าได้สำรองข้อมูลที่ท่านต้องการเก็บไว้แล้ว
วิธีสำรองข้อมูลของท่านโดยใช้คอมพิวเตอร์
- ปลดล็อกหน้าจออุปกรณ์ของท่านและเชื่อมต่ออุปกรณ์ของท่านกับคอมพิวเตอร์โดยใช้สาย USB
- ในคอมพิวเตอร์ กรุณาเลือกไฟล์ที่จะสำรองข้อมูล จากนั้นคัดลอกและวาง หรือลากและวางไฟล์ไปยังตำแหน่งที่ตั้งในคอมพิวเตอร์ของท่าน
วิธีสำรองข้อมูลและซิงโครไนซ์แอป การตั้งค่าโทรศัพท์ และประวัติการโทร
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → การสำรองข้อมูล (Backup) ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- แตะสวิตช์เพื่อเปิดใช้ฟังก์ชัน ข้อมูลแอป การตั้งค่าอุปกรณ์ และประวัติการโทรของท่านจะได้รับการสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติ
หมายเหตุ
ท่านยังสามารถเปิดใช้การสำรองข้อมูลจากเมนูการตั้งค่าใน Google Drive ได้อีกด้วย ท่านสามารถซิงโครไนซ์ข้อมูลแอป การตั้งค่าอุปกรณ์ และประวัติการโทรของท่านโดยอัตโนมัติโดยการล็อกอินบัญชี Google ที่ใช้ซิงโครไนซ์ข้อมูลในอุปกรณ์เครื่องเก่าของท่าน เมื่อท่านเปิดอุปกรณ์เครื่องใหม่ของท่านเป็นครั้งแรก กรุณาล็อกอินบัญชี Google ในระหว่างตัวช่วยสร้างการติดตั้ง่ทำงาน
ถ้าต้องการรีเซ็ตให้เป็นข้อมูลจากโรงงาน (Android 12/Android 11/Android 10)
หมายเหตุ
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายถาวรต่ออุปกรณ์ของท่าน กรุณาอย่าขัดจังหวะขั้นตอนการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
- ทำการสำรองข้อมูลสำคัญใดๆ ที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านไปยังการ์ดหน่วยความจำหรือหน่วยความจำอื่นที่ไม่ใช่หน่วยความจำภายใน หากท่านมีไฟล์ที่เข้ารหัสจัดเก็บไว้ในการ์ด SD ท่านควรลบการเข้ารหัสออกก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะยังสามารถเข้าใช้งานได้หลังจากการรีเซ็ต
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → ตัวเลือกการรีเซ็ต (Reset options) ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- แตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data) (รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory reset)) → ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data)
- หากจำเป็น กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอหรือป้อนรหัสผ่านหรือ PIN สำหรับปลดล็อกหน้าจอเพื่อดำเนินการต่อ
- ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data)
คำชี้แนะ
อุปกรณ์ของท่านจะไม่ย้อนกลับเป็นเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ Android ก่อนหน้าเมื่อท่านดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
วิธีการรีเซ็ตกลับเป็นข้อมูลจากโรงงาน (Android 9)
หมายเหตุ
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายถาวรต่ออุปกรณ์ของท่าน กรุณาอย่าขัดจังหวะขั้นตอนการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
- ทำการสำรองข้อมูลสำคัญใดๆ ที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านไปยังการ์ดหน่วยความจำหรือหน่วยความจำอื่นที่ไม่ใช่หน่วยความจำภายใน หากท่านมีไฟล์ที่เข้ารหัสจัดเก็บไว้ในการ์ด SD ท่านควรลบการเข้ารหัสออกก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะยังสามารถเข้าใช้งานได้หลังจากการรีเซ็ต
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → ตัวเลือกการรีเซ็ต (Reset options) ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- แตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data) (รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory reset)) → รีเซ็ตโทรศัพท์ (Reset phone)
- หากจำเป็น กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอหรือป้อนรหัสผ่านหรือ PIN สำหรับปลดล็อกหน้าจอเพื่อดำเนินการต่อ
- ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบทุกอย่าง (Erase everything)
คำชี้แนะ
อุปกรณ์ของท่านจะไม่ย้อนกลับเป็นเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ Android ก่อนหน้าเมื่อท่านดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
วิธีการรีเซ็ตกลับเป็นข้อมูลจากโรงงาน (Android 8)
หมายเหตุ
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายถาวรต่ออุปกรณ์ของท่าน กรุณาอย่าขัดจังหวะขั้นตอนการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
- ทำการสำรองข้อมูลสำคัญใดๆ ที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านไปยังการ์ดหน่วยความจำหรือหน่วยความจำอื่นที่ไม่ใช่หน่วยความจำภายใน หากท่านมีไฟล์ที่เข้ารหัสจัดเก็บไว้ในการ์ด SD ท่านควรลบการเข้ารหัสออกก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะยังสามารถเข้าใช้งานได้หลังจากการรีเซ็ต
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → รีเซ็ต (Reset)
- แตะที่ การรีเซ็ตให้เป็นข้อมูลจากโรงงาน (Factory data reset) → รีเซ็ตโทรศัพท์ (Reset phone)
- หากจำเป็น กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอหรือป้อนรหัสผ่านหรือ PIN สำหรับปลดล็อกหน้าจอเพื่อดำเนินการต่อ
- ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบทุกอย่าง (Erase everything)
คำชี้แนะ
อุปกรณ์ของท่านจะไม่ย้อนกลับเป็นเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ Android ก่อนหน้าเมื่อท่านดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน