คำชี้แนะ
ขั้นตอนต่อไปนี้อาจแตกต่างกันใน Android เวอร์ชันต่างๆ ถ้าต้องการเรียนรู้ว่าอุปกรณ์ของท่านใช้ Android เวอร์ชันอะไร กรุณาหาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เกี่ยวกับโทรศัพท์ (About phone) → เวอร์ชัน Android หากท่านไม่พบเกี่ยวกับโทรศัพท์ (About phone) ในการตั้งค่า (Settings) กรุณาแตะที่ระบบ (System)
- เริ่มการทำงานของอุปกรณ์ของท่านใหม่ แล้วปิด Wi-Fi และเปิดอีกครั้ง
วิธีเปิดหรือปิด Wi-Fi
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & internet) → Wi-Fi
- แตะสวิตช์เพื่อเปิดหรือปิดใช้งาน Wi-Fi
หมายเหตุ
อาจใช้เวลาสองถึงสามวินาทีในการเปิดใช้ Wi-Fi
- ถอดเคสป้องกันออกจากอุปกรณ์ของท่านเพื่อดูว่าความแรงสัญญาณ Wi-Fi ดีขึ้นหรือไม่
- เริ่มการทำงานของเราเตอร์ใหม่ ตรวจสอบว่าเราเตอร์ของท่านได้รับการรับรองว่าใช้ Wi-Fi ได้ อุปกรณ์ของท่านได้รับการรับรองว่าใช้ Wi-Fi ได้ ดังนั้นหากเราเตอร์ไม่ได้รับการรับรอง อุปกรณ์อาจสื่อสารกันได้ไม่ถูกต้อง
วิธีตรวจสอบว่าเราเตอร์ของท่านได้รับการรับรอง Wi-Fi หรือไม่
- มองหาโลโก้หรือข้อความ Wi-Fi CERTIFIED บนแพ็คเก็จผลิตภัณฑ์หรือในเอกสารผลิตภัณฑ์ หรือค้นหาฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ Wi-Fi CERTIFIED ในเว็บไซต์ Wi-Fi Alliance
- ยืนยันว่าท่านอยู่ในระยะของเราเตอร์ Wi-Fi ตรวจสอบความแรงสัญญาณของ Wi-Fi (ไอคอน Wi-Fi) ในแถบสถานะ หากสัญญาณอ่อนหรือไม่มีสัญญาณเลย กรุณาย้ายเข้าใกล้ฮอตสปอต Wi-Fi ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ให้บริการเครือข่าย Wi-Fi
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราเตอร์กำลังใช้เวอร์ชันของซอฟต์แวร์ล่าสุด ติดต่อผู้ผลิตเราเตอร์สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีอัปเดตซอฟต์แวร์ของเราเตอร์
- ใช้ IP แอดเดรสแบบคงที่ ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของท่านเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการตั้งค่า IP แอดเดรส
ถ้าต้องการแก้ไขไอพีแอดเดรส ด้วยตนเอง (Android 12/Android 11/Android 10)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เตรือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & internet) → Wi-Fi (อินเทอร์เน็ต (Internet) ในกรณีของ Android 12)
- แตะค้างไว้ที่ชื่อเครือข่ายที่ท่านไม่ได้เชื่อมต่อด้วย
- แตะที่ เชื่อมต่อ (Connect)
- แตะที่ ตัวเลือกขั้นสูง (Advanced options)
- เลื่อนลงและภายใต้ การตั้งค่า IP (IP settings) กรุณาเลือกที่ คงที่ (Static)
- เลื่อนลงและป้อนการตั้งค่าที่ต้องการ
- แตะ บันทึก (Save)
ถ้าต้องการแก้ไขไอพีแอดเดรส ด้วยตนเอง (Android 9/Android 8)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & internet) → Wi-Fi
- แตะชื่อเครือข่ายที่ท่านต้องการเชื่อมต่อค้างไว้
- แตะที่ เชื่อมต่อกับเครือข่าย (Connect to network)
- แตะที่ ตัวเลือกขั้นสูง (Advanced options)
- เลื่อนลงและภายใต้ การตั้งค่า IP (IP settings) กรุณาเลือกที่ คงที่ (Static)
- เลื่อนลงและป้อนการตั้งค่าที่ต้องการ
- แตะ บันทึก (Save)
- เปลี่ยนความปลอดภัยเครือข่าย Wi-Fi ของเราเตอร์ของท่านเป็นการเข้ารหัสความปลอดภัยอื่น สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนความปลอดภัยเครือข่าย กรุณาตรวจสอบคู่มือผู้ใช้ของเราเตอร์หรือติดต่อผู้ผลิตเราเตอร์ของท่าน
- ตรวจสอบว่าอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาจส่งสัญญาณรบกวนไม่ได้อยู่ใกล้กับเราเตอร์ Wi-Fi
โทรศัพท์ไร้สาย เตาอบไมโครเวฟ เบบี้มอนิเตอร์ ลำโพงไร้สาย จอภาพ และเครื่องส่งสัญญาณวิดีโอที่ทำงานในช่วงความถี่ 2.4 GHz หรือ 5 GHz อาจรบกวนเครือข่าย Wi-Fi หากปัญหายังคงอยู่ กรุณาลองเปลี่ยนการตั้งค่าช่วงความถี่ของเราเตอร์เป็น 5 GHz หรือ 2.4 GHz
สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนการตั้งค่าช่องสัญญาณของเราเตอร์ กรุณาตรวจสอบคู่มือผู้ใช้ของเราเตอร์หรือติดต่อผู้ผลิตเราเตอร์ของท่าน - ดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน ในบางครั้ง นี่คือวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดหากอุปกรณ์ของท่านทำงานไม่ถูกต้อง แต่โปรดทราบว่าวิธีนี้จะลบเนื้อหาส่วนบุคคลทั้งหมดที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านออกไป ตรวจสอบว่าได้สำรองข้อมูลที่ท่านต้องการเก็บไว้แล้ว
วิธีสำรองข้อมูลของท่านโดยใช้คอมพิวเตอร์
- ปลดล็อกหน้าจออุปกรณ์ของท่านและเชื่อมต่ออุปกรณ์ของท่านกับคอมพิวเตอร์โดยใช้สาย USB
- ในคอมพิวเตอร์ กรุณาเลือกไฟล์ที่จะสำรองข้อมูล จากนั้นคัดลอกและวาง หรือลากและวางไฟล์ไปยังตำแหน่งที่ตั้งในคอมพิวเตอร์ของท่าน
วิธีสำรองข้อมูลและซิงโครไนซ์แอป การตั้งค่าโทรศัพท์ และประวัติการโทร
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → การสำรองข้อมูล (Backup) ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- แตะสวิตช์เพื่อเปิดใช้ฟังก์ชัน ข้อมูลแอป การตั้งค่าอุปกรณ์ และประวัติการโทรของท่านจะได้รับการสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติ
หมายเหตุ
ท่านยังสามารถเปิดใช้การสำรองข้อมูลจากเมนูการตั้งค่าใน Google Drive ได้อีกด้วย ท่านสามารถซิงโครไนซ์ข้อมูลแอป การตั้งค่าอุปกรณ์ และประวัติการโทรของท่านโดยอัตโนมัติโดยการล็อกอินบัญชี Google ที่ใช้ซิงโครไนซ์ข้อมูลในอุปกรณ์เครื่องเก่าของท่าน เมื่อท่านเปิดอุปกรณ์เครื่องใหม่ของท่านเป็นครั้งแรก กรุณาล็อกอินบัญชี Google ในระหว่างตัวช่วยสร้างการติดตั้ง่ทำงาน
ถ้าต้องการรีเซ็ตให้เป็นข้อมูลจากโรงงาน (Android 12/Android 11/Android 10)
หมายเหตุ
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายถาวรต่ออุปกรณ์ของท่าน กรุณาอย่าขัดจังหวะขั้นตอนการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
- ทำการสำรองข้อมูลสำคัญใดๆ ที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านไปยังการ์ดหน่วยความจำหรือหน่วยความจำอื่นที่ไม่ใช่หน่วยความจำภายใน หากท่านมีไฟล์ที่เข้ารหัสจัดเก็บไว้ในการ์ด SD ท่านควรลบการเข้ารหัสออกก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะยังสามารถเข้าใช้งานได้หลังจากการรีเซ็ต
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → ตัวเลือกการรีเซ็ต (Reset options) ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- แตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน) (Erase all data (factory reset)) → ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data)
- หากจำเป็น กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอหรือป้อนรหัสผ่านหรือ PIN สำหรับปลดล็อกหน้าจอเพื่อดำเนินการต่อ
- ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data)
คำชี้แนะ
อุปกรณ์ของท่านจะไม่ย้อนกลับเป็นเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ Android ก่อนหน้าเมื่อท่านดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
วิธีการรีเซ็ตกลับเป็นข้อมูลจากโรงงาน (Android 9)
หมายเหตุ
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายถาวรต่ออุปกรณ์ของท่าน กรุณาอย่าขัดจังหวะขั้นตอนการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
- ทำการสำรองข้อมูลสำคัญใดๆ ที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านไปยังการ์ดหน่วยความจำหรือหน่วยความจำอื่นที่ไม่ใช่หน่วยความจำภายใน หากท่านมีไฟล์ที่เข้ารหัสจัดเก็บไว้ในการ์ด SD ท่านควรลบการเข้ารหัสออกก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะยังสามารถเข้าใช้งานได้หลังจากการรีเซ็ต
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → ตัวเลือกการรีเซ็ต (Reset options) ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- แตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data) (รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory reset)) → รีเซ็ตโทรศัพท์ (Reset phone)
- หากจำเป็น กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอหรือป้อนรหัสผ่านหรือ PIN สำหรับปลดล็อกหน้าจอเพื่อดำเนินการต่อ
- ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบทุกอย่าง (Erase everything)
คำชี้แนะ
อุปกรณ์ของท่านจะไม่ย้อนกลับเป็นเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ Android ก่อนหน้าเมื่อท่านดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
วิธีการรีเซ็ตกลับเป็นข้อมูลจากโรงงาน (Android 8)
หมายเหตุ
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายถาวรต่ออุปกรณ์ของท่าน กรุณาอย่าขัดจังหวะขั้นตอนการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
- ทำการสำรองข้อมูลสำคัญใดๆ ที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านไปยังการ์ดหน่วยความจำหรือหน่วยความจำอื่นที่ไม่ใช่หน่วยความจำภายใน หากท่านมีไฟล์ที่เข้ารหัสจัดเก็บไว้ในการ์ด SD ท่านควรลบการเข้ารหัสออกก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะยังสามารถเข้าใช้งานได้หลังจากการรีเซ็ต
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → รีเซ็ต (Reset)
- แตะที่ การรีเซ็ตให้เป็นข้อมูลจากโรงงาน (Factory data reset) → รีเซ็ตโทรศัพท์ (Reset phone)
- หากจำเป็น กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอหรือป้อนรหัสผ่านหรือ PIN สำหรับปลดล็อกหน้าจอเพื่อดำเนินการต่อ
- ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบทุกอย่าง (Erase everything)
คำชี้แนะ
อุปกรณ์ของท่านจะไม่ย้อนกลับเป็นเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ Android ก่อนหน้าเมื่อท่านดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน