คำชี้แนะ
ขั้นตอนต่อไปนี้อาจแตกต่างกันใน Android เวอร์ชันต่างๆ ถ้าต้องการเรียนรู้ว่าอุปกรณ์ของท่านใช้ Android เวอร์ชันอะไร กรุณาหาและแตะที่การตั้งค่า (Settings) → เกี่ยวกับโทรศัพท์ (About phone) → เวอร์ชัน Android หากท่านไม่พบเกี่ยวกับโทรศัพท์ (About phone) ในการตั้งค่า (Settings) กรุณาแตะที่ระบบ (System) .
- หากไม่มีเครือข่ายครอบคลุมการใช้งาน กรุณาลองทำดังต่อไปนี้
- ปิดอุปกรณ์ของท่านแล้วเปิดขึ้นมาใหม่ โดยการดำเนินการนี้ ท่านจะปิดแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่ทั้งหมด และทำให้หน่วยความจำว่าง ซึ่งบางครั้งจะแก้ไขปัญหาได้โดยอัตโนมัติ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโหมดเครื่องบิน (Airplanemode) ปิดอยู่
วิธีปิดโหมดใช้งานบนเครื่องบิน (Airplane mode)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & Internet)
- แตะที่ โหมดเครื่องบิน (Airplane mode) เพื่อปิดใช้งานฟังก์ชันนี้ ท่านอาจจะพบรายการดังกล่าวใน ขั้นสูง (Advanced)
- ตรวจสอบไอคอนความแรงสัญญาณ ในแถบสถานะด้านบน เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ของท่านเชื่อมต่อกับเครือข่ายแล้ว หากสัญญาณอ่อนหรือไม่มีสัญญาณเลย กรุณาย้ายไปยังตำแหน่งที่ตั้งซึ่งเปิดโล่งหรือใกล้กับหน้าต่าง
- หากอุปกรณ์ของท่านไม่ได้รับสัญญาณเครือข่ายหรือสัญญาณอ่อนเกินไป กรุณาติดต่อกับผู้ให้บริการเครือข่ายของท่าน และตรวจสอบว่าเครือข่ายมีพื้นที่ครอบคลุมถึงจุดที่ท่านอยู่
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ท่านได้ตั้งค่าอุปกรณ์ให้ใช้งานประเภทเครือข่ายที่ SIM การ์ดของท่านรองรับ ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายของท่าน หากไม่ทราบประเภทเครือข่ายที่ได้รองรับ
วิธีเลือกโหมดเครือข่าย
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & Internet) → เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile network)(SIM ในกรณีของ Android 12)
- หากท่านกำลังใช้ SIM การ์ด 2 ใบ กรุณาเลือก SIM การ์ด 1 ใบ
- แตะที่ ประเภทเครือข่ายที่ต้องการ (Preferred network type) แล้วเลือกโหมดเครือข่าย ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- ตรวจสอบว่า SIM การ์ดของท่านทำงานอย่างถูกต้อง ใส่ SIM การ์ดของท่านในอุปกรณ์อื่น หากได้ผล ปัญหาอาจเกิดจากอุปกรณ์ของท่าน ในกรณีนี้ ให้ติดต่อกับศูนย์บริการ Sony ที่ได้รับอนุญาต
- ค้นหาเครือข่ายจากอุปกรณ์เพื่อตรวจสอบว่ามีเครือข่ายที่พร้อมใช้งานหรือไม่
ถ้าต้องการค้นหาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Android 12/Android 11/Android 10/Android 9)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & Internet) → เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile network)(SIM ในกรณีของ Android 12)
- หากท่านกำลังใช้ SIM การ์ด 2 ใบ กรุณาเลือก SIM การ์ด 1 ใบ
- แตะที่ ขั้นสูง (Advanced) แล้วแตะที่ เลือกเครือข่ายโดยอัตโนมัติ (Automatically select network) เพื่อปิดใช้งานฟังก์ชันนี้
- เลือกเครือข่าย
วิธีค้นหาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้ได้ (Android 8)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & Internet) → เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile network)
- ผู้ใช้ SIM คู่ต้องเลือกหนึ่ง SIM การ์ด
- แตะที่ ผู้ให้บริการ (Service providers) → การค้นหาเครือข่าย (Search networks)
- เลือกเครือข่าย
- หากไม่มีการเชื่อมต่อเน็ตมือถือ (Mobile Data Connection) กรุณาลองทำดังต่อไปนี้:
- ปิดอุปกรณ์ของท่านแล้วเปิดขึ้นมาใหม่ โดยการดำเนินการนี้ ท่านจะปิดแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่ทั้งหมด และทำให้หน่วยความจำว่าง ซึ่งบางครั้งจะแก้ไขปัญหาได้โดยอัตโนมัติ
- หากอุปกรณ์ของท่านสนับสนุนโหมด STAMINA ให้ปิดใช้งานและเริ่มการทำงานของอุปกรณ์ของท่านใหม่ เพื่อประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ โหมด STAMINA จะปิดใช้งานข้อมูลอุปกรณ์เคลื่อนที่เมื่อปิดหน้าจอ
ถ้าต้องการปิดใช้งานโหมด STAMINA (Android 12/Android 11/ Android 10/Android 9/Android 8)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → แบตเตอรี่ (Battery) → โหมด STAMINA
- แตะสวิตช์เพื่อปิดใช้งานโหมด STAMINA
ถ้าต้องการเริ่มการทำงานอุปกรณ์ของท่านใหม่
หมายเหตุ
อุปกรณ์ของท่านอาจเริ่มใหม่ไม่ได้หากระดับแบตเตอรี่ต่ำ เชื่อมต่ออุปกรณ์ของท่านกับเครื่องชาร์จ และลองเริ่มใหม่อีกครั้ง
- กดปุ่มเปิดปิดค้างไว้
- ในเมนูที่เปิดขึ้น กรุณาแตะที่ เริ่มใหม่ (Restart) อุปกรณ์จะเริ่มใหม่โดยอัตโนมัติ
- ตรวจสอบว่าท่านสมัครใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือแล้ว ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายของท่านสำหรับข้อมูลอย่างละเอียด
- ย้ายไปยังบริเวณอื่นและลองอีกครั้ง ในบริเวณที่มีการรับสัญญาณไม่ดีซึ่งอาจเป็นปัญหาจากสถานีฐานของผู้ให้บริการเครือข่ายของท่าน การเชื่อมต่อเน็ตมือถือของท่านอาจขาดหายและดังนั้นจึงต้องย้ายไปยังบริเวณอื่น
- เมื่อท่านใช้อุปกรณ์ขณะกำลังเคลื่อนที่ การเชื่อมต่อเน็ตมือถืออาจขาดหายเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับเครือข่ายของผู้ให้บริการเครือข่ายของท่าน
- ตั้งค่าอุปกรณ์ของท่านด้วยตนเองให้ใช้เฉพาะเครือข่าย WCDMA (3G) หรือ GSM (2G) เท่านั้น อุปกรณ์ของท่านถูกตั้งค่าไว้ให้เลือกเครือข่ายที่เร็วที่สุดที่ใช้ได้โดยอัตโนมัติ หากความแรงสัญญาณของเครือข่ายที่เร็วที่สุดไม่เสถียร อุปกรณ์อาจสลับไปมาระหว่างหลายเครือข่ายมือถือ ทุกครั้งที่อุปกรณ์สลับเครือข่าย การเชื่อมต่อจะถูกปิดใช้งาน หากท่านตั้งค่าอุปกรณ์ของท่านให้ใช้กับเครือข่าย WCDMA (3G) หรือ GSM (2G) เท่านั้น โปรดทราบว่าอาจใช้เวลาหลายนาทีก่อนที่อุปกรณ์ของท่านจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่เลือกได้
วิธีเลือกโหมดเครือข่าย
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & Internet) → เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile network)(SIM ในกรณีของ Android 12)
- หากท่านกำลังใช้ SIM การ์ด 2 ใบ กรุณาเลือก SIM การ์ด 1 ใบ
- แตะที่ ประเภทเครือข่ายที่ต้องการ (Preferred network type) แล้วเลือกโหมดเครือข่าย ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- หากวิธีการแก้ไขก่อนหน้านี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ กรุณาลองดำเนินการต่อไปนี้ทีละอย่าง ตรวจสอบหลังจากการดำเนินการครั้งแรกว่า ปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่ ก่อนที่จะลองทำสิ่งต่อไป
- อัปเดตอุปกรณ์ของท่านเพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดและการปรับปรุงล่าสุด
- ดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน ในบางครั้ง นี่คือวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดหากอุปกรณ์ของท่านทำงานไม่ถูกต้อง แต่โปรดทราบว่าวิธีนี้จะลบเนื้อหาส่วนบุคคลทั้งหมดที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านออกไป ตรวจสอบว่าได้สำรองข้อมูลที่ท่านต้องการเก็บไว้แล้ว
วิธีสำรองข้อมูลของท่านโดยใช้คอมพิวเตอร์
- ปลดล็อกหน้าจออุปกรณ์ของท่านและเชื่อมต่ออุปกรณ์ของท่านกับคอมพิวเตอร์โดยใช้สาย USB
- ในคอมพิวเตอร์ กรุณาเลือกไฟล์ที่จะสำรองข้อมูล จากนั้นคัดลอกและวาง หรือลากและวางไฟล์ไปยังตำแหน่งที่ตั้งในคอมพิวเตอร์ของท่าน
วิธีสำรองข้อมูลและซิงโครไนซ์แอป การตั้งค่าโทรศัพท์ และประวัติการโทร
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → การสำรองข้อมูล (Backup) ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- แตะสวิตช์เพื่อเปิดใช้ฟังก์ชัน ข้อมูลแอป การตั้งค่าอุปกรณ์ และประวัติการโทรของท่านจะได้รับการสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติ
หมายเหตุ
ท่านยังสามารถเปิดใช้การสำรองข้อมูลจากเมนูการตั้งค่าใน Google Drive ได้อีกด้วย ท่านสามารถซิงโครไนซ์ข้อมูลแอป การตั้งค่าอุปกรณ์ และประวัติการโทรของท่านโดยอัตโนมัติโดยการล็อกอินบัญชี Google ที่ใช้ซิงโครไนซ์ข้อมูลในอุปกรณ์เครื่องเก่าของท่าน เมื่อท่านเปิดอุปกรณ์เครื่องใหม่ของท่านเป็นครั้งแรก กรุณาล็อกอินบัญชี Google ในระหว่างตัวช่วยสร้างการติดตั้ง่ทำงาน
ถ้าต้องการรีเซ็ตให้เป็นข้อมูลจากโรงงาน (Android 12/Android 11/Android 10)
หมายเหตุ
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายถาวรต่ออุปกรณ์ของท่าน กรุณาอย่าขัดจังหวะขั้นตอนการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
- ทำการสำรองข้อมูลสำคัญใดๆ ที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านไปยังการ์ดหน่วยความจำหรือหน่วยความจำอื่นที่ไม่ใช่หน่วยความจำภายใน หากท่านมีไฟล์ที่เข้ารหัสจัดเก็บไว้ในการ์ด SD ท่านควรลบการเข้ารหัสออกก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะยังสามารถเข้าใช้งานได้หลังจากการรีเซ็ต
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → ตัวเลือกการรีเซ็ต (Reset options) ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- แตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data) (รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory reset)) → ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data)
- หากจำเป็น กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอหรือป้อนรหัสผ่านหรือ PIN สำหรับปลดล็อกหน้าจอเพื่อดำเนินการต่อ
- ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data)
คำชี้แนะ
อุปกรณ์ของท่านจะไม่ย้อนกลับเป็นเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ Android ก่อนหน้าเมื่อท่านดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
วิธีการรีเซ็ตกลับเป็นข้อมูลจากโรงงาน (Android 9)
หมายเหตุ
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายถาวรต่ออุปกรณ์ของท่าน กรุณาอย่าขัดจังหวะขั้นตอนการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
- ทำการสำรองข้อมูลสำคัญใดๆ ที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านไปยังการ์ดหน่วยความจำหรือหน่วยความจำอื่นที่ไม่ใช่หน่วยความจำภายใน หากท่านมีไฟล์ที่เข้ารหัสจัดเก็บไว้ในการ์ด SD ท่านควรลบการเข้ารหัสออกก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะยังสามารถเข้าใช้งานได้หลังจากการรีเซ็ต
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → ตัวเลือกการรีเซ็ต (Reset options) ท่านจะพบรายการดังกล่าวได้ใน ขั้นสูง (Advanced)
- แตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data) (รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory reset)) → รีเซ็ตโทรศัพท์ (Reset phone)
- หากจำเป็น กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอหรือป้อนรหัสผ่านหรือ PIN สำหรับปลดล็อกหน้าจอเพื่อดำเนินการต่อ
- ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบทุกอย่าง (Erase everything)
คำชี้แนะ
อุปกรณ์ของท่านจะไม่ย้อนกลับเป็นเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ Android ก่อนหน้าเมื่อท่านดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
วิธีการรีเซ็ตกลับเป็นข้อมูลจากโรงงาน (Android 8)
หมายเหตุ
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายถาวรต่ออุปกรณ์ของท่าน กรุณาอย่าขัดจังหวะขั้นตอนการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
- ทำการสำรองข้อมูลสำคัญใดๆ ที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำภายในของอุปกรณ์ของท่านไปยังการ์ดหน่วยความจำหรือหน่วยความจำอื่นที่ไม่ใช่หน่วยความจำภายใน หากท่านมีไฟล์ที่เข้ารหัสจัดเก็บไว้ในการ์ด SD ท่านควรลบการเข้ารหัสออกก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะยังสามารถเข้าใช้งานได้หลังจากการรีเซ็ต
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → รีเซ็ต (Reset)
- แตะที่ การรีเซ็ตให้เป็นข้อมูลจากโรงงาน (Factory data reset) → รีเซ็ตโทรศัพท์ (Reset phone)
- หากจำเป็น กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอหรือป้อนรหัสผ่านหรือ PIN สำหรับปลดล็อกหน้าจอเพื่อดำเนินการต่อ
- ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบทุกอย่าง (Erase everything)
คำชี้แนะ
อุปกรณ์ของท่านจะไม่ย้อนกลับเป็นเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ Android ก่อนหน้าเมื่อท่านดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน