ฉันไม่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
โปรดลองวิธีเหล่านี้ทีละข้อ กรุณาตรวจสอบหลังดำเนินการแต่ละวิธีว่าแก้ปัญหาได้หรือไม่ ก่อนลองวิธีถัดไป
- ตรวจสอบให้มั่นใจว่าเราเตอร์ Wi-Fi ของท่านเปิดอยู่ และท่านอยู่ในระยะของการใช้งานเราเตอร์นั้นได้ ตรวจดูความแรงสัญญาณ Wi-Fi ในแถบสถานะของอุปกรณ์ Xperia ของท่าน ถ้าหากสัญญาณต่ำ หรือไม่มีสัญญาณ กรุณาขยับเข้าใกล้เราเตอร์มากขึ้น ถ้าหากท่านอยู่ในสถานที่สาธารณะ กรุณาขยับเข้าใกล้ Wi-Fi ฮอตสปอต ซึ่งก็คืออุปกรณ์ที่ให้บริการเครือข่าย Wi-Fi นั้น
- ตรวจสอบให้มั่นใจว่า Wi-Fi เปิดอยู่ในอุปกรณ์ Xperia ของท่านและท่านสามารถมองเห็นเครือข่าย Wi-Fi ของท่านได้ใน การตั้งค่า (Settings) ถ้าหาก เชื่อมต่อแล้ว (Connected) ปรากฎใต้ชื่อเครือข่าย แสดงว่าท่านเชื่อมต่อแล้ว ถ้าหากไม่มี กรุณาแตะที่ชื่อเครือข่ายเพื่อเชื่อมต่อ สำหรับเครือข่ายที่มีการรักษาความปลอดภัย กรุณาป้อนรหัสผ่านที่เกี่ยวข้อง ติดต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของท่าน หรือแอดมินเครือข่าย Wi-Fi ในองค์กรของท่าน ถ้าหากท่านไม่มีรหัสผ่าน
- ถ้าหากท่านอยู่ในตำแหน่งที่มี Wi-Fi ฮอตสปอตหลายอัน ตรวจสอบให้มั่นใจว่าท่านได้เลือกฮอตสปอตที่ถูกต้องแล้ว
- เครือข่าย Wi-Fi บางอันจะกำหนดให้มีการลงชื่อเข้าใช้เว็บเพจก่อน ท่านจึงจะเข้าถึงเครือข่ายได้ เปิดเว็บเบราว์เซอร์ในอุปกรณ์ของท่านขึ้นมาเพื่อลงชื่อเข้าใช้ ติดต่อกับแอดมินของเครือข่าย Wi-Fi นั้นสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
- กรุณาอย่าปิดกั้นบริเวณสายอากาศ Wi-Fi ของอุปกรณ์ของท่าน
- เริ่มการทำงานใหม่ให้กับอุปกรณ์ ปิด Wi-Fi และจากนั้นเปิดขึ้นมาใหม่
- Android เวอร์ชัน 4.3–5.1: ปิด Wi-Fi ปิดใช้งาน ให้มีการสแกนอยู่เสมอ (Scanning always available) ในการตั้งค่า Wi-Fi เปิด Wi-Fi ขึ้นมาอีกครั้ง
- เริ่มการทำงานของเราเตอร์ใหม่ ตรวจสอบว่าเราเตอร์ของท่านได้รับการรับรองว่าใช้ Wi-Fi ได้ อุปกรณ์ของท่านได้รับการรับรองว่าใช้ Wi-Fi ได้ ดังนั้นหากเราเตอร์ไม่ได้รับการรับรอง อุปกรณ์อาจสื่อสารกันได้ไม่ถูกต้อง
- ตรวจสอบให้มั่นใจว่าทั้งอุปกรณ์ Xperia และเราเตอร์ใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุดอยู่
- ถ้าหากท่านไม่แน่ใจถึงวิธีการอัปเดตซอฟต์แวร์เราเตอร์ กรุณาตรวจสอบคู่มือผู้ใช้ของเราเตอร์ หรือติดต่อกับผู้ผลิตเราเตอร์
- ตรวจดูการตั้งค่าเราเตอร์โดยใช้คอมพิวเตอร์ของท่าน ถ้าหากท่านไม่แน่ใจถึงวิธีการเปลี่ยนการตั้งค่า กรุณาตรวจสอบคู่มือผู้ใช้ของเราเตอร์ หรือติดต่อกับผู้ผลิตเราเตอร์
- โหมด/ความเร็วเครือข่าย: เปลี่ยนเป็นโหมด อัตโนมัติ หรือ ผสม แทนที่จะเป็น b, g หรือ n
- SSID และ รหัสผ่าน: ตรวจสอบว่าไม่มีอักขระพิเศษหรืออักขระที่ไม่อยู่ในชุดอักขระ ASCII มาตรฐาน
- DHCP: ตรวจสอบให้มั่นใจว่าได้มีการเปิดในเราเตอร์แล้ว ท่านยังสามารถจะลองตั้งค่า IP แอดเดรสแบบ Static ในอุปกรณ์ Xperia ได้ด้วย ถ้าหากท่านมีปัญหาในการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ของท่าน ติดต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของท่านสำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งค่า IP แอดเดรส
- ตัวกรอง MAC: ตรวจสอบว่าปิดอยู่ นอกจากนี้ลองตั้งอุปกรณ์ของท่านเป็นยินยอมด้วย โดยการเพิ่ม MAC แอดเดรสอุปกรณ์ของท่านเข้ากับตารางตัวกรอง MAC ของเราเตอร์ Wi-Fi เราเตอร์บางรุ่นกำหนดให้ต้องใช้ที่อยู่ MAC แอดเดรสของท่าน สำหรับคำแนะนำในวิธีการเพิ่ม MAC แอดเดรสเข้ากับตารางตัวกรอง MAC ของเราเตอร์ กรุณาตรวจดูคู่มือผู้ใช้สำหรับเราเตอร์หรือติดต่อกับผู้ผลิตเราเตอร์ของท่าน
- ช่องสัญญาณ: ลองใช้ช่องสัญญาณอื่น ควรเป็นช่องสัญญาณหมายเลข 11 หรือต่ำกว่า ตรวจดูว่าจุดเข้าถึง/เราเตอร์ (Access point/router) ของท่านไม่ได้ตั้งให้ใช้ช่องสัญญาณ 12 หรือ 13 ช่องสัญญาณเหล่านี้ไม่รองรับในตลาดทั้งหมด
- เปลี่ยนความปลอดภัยเครือข่าย Wi-Fi ของเราเตอร์ของท่านเป็นการเข้ารหัสความปลอดภัยที่แตกต่างออกไป สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนความปลอดภัยเครือข่าย กรุณาตรวจสอบคู่มือผู้ใช้ของเราเตอร์หรือติดต่อผู้ผลิตเราเตอร์ของท่าน
- ในอุปกรณ์ Xperia ของท่าน ตั้งค่า Wi-Fi sleep policy ให้เปิด Wi-Fi ในระหว่างที่พักการทำงาน (Keep Wi-Fi on during sleep) ไปที่เสมอ (Always) อุปกรณ์จะเชื่อมต่อตลอดเวลากับเครือข่าย Wi-Fi ปัจจุบันแม้ในตอนพร้อมใช้งาน (Standby)
- Bluetooth®และ Wi-Fi มักจะใช้ย่านความถี่เดียวกันที่ 2.4GHz ถ้าหากมีให้ กรุณาตั้งอุปกรณ์ของท่านให้ใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ไปเป็นของย่านความถี่ 5GHz หรือ ปิด Bluetooth®ถ้าหากท่านไม่ได้ต้องการใช้
- เมื่อท่านใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ในเครือข่ายท้องถิ่น ที่มีอุปกรณ์อื่น ๆ จำนวนมากใช้เราเตอร์เดียวกันหรือหลายตัวประสิทธิภาพของ Wi-Fi อาจจะได้รับผลกระทบ ดังนั้นโปรดทราบว่าประสิทธิภาพของ Wi-Fi อาจจะแย่ลงได้ด้วยเมื่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ใช้ความถี่ Wi-Fi ย่านเดียวกันเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi และเราเตอร์ที่แตกต่างกันในพื้นที่เดียวกัน ถ้าหากมีให้ กรุณาตั้งอุปกรณ์ของท่านให้ใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ไปเป็นของย่านความถี่ 5GHz
- ตรวจสอบว่าอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาจส่งสัญญาณรบกวนไม่ได้อยู่ใกล้กับเราเตอร์ Wi-Fi โทรศัพท์ไร้สาย เตาอบไมโครเวฟ เบบี้มอนิเตอร์ ลำโพงไร้สาย จอภาพ และเครื่องส่งสัญญาณวิดีโอที่ทำงานในช่วงความถี่ 2.4 GHz หรือ 5 GHz อาจรบกวนเครือข่าย Wi-Fi หากปัญหายังคงอยู่ กรุณาลองเปลี่ยนการตั้งค่าช่วงความถี่ของเราเตอร์เป็น 5 GHz หรือ 2.4 GHz สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนการตั้งค่าช่องสัญญาณของเราเตอร์ กรุณาตรวจสอบคู่มือผู้ใช้ของเราเตอร์หรือติดต่อผู้ผลิตเราเตอร์ของท่าน
- ดำเนินการรีเซ็ตให้เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน บางครั้งนี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดหากอุปกรณ์ Xperia ของท่านทำงานไม่ปกติ แต่โปรดทราบว่าจะเป็นการลบเนื้อหาส่วนตัวที่บันทึกไว้ในหน่วยความจำของเครื่องออกทั้งหมด ตรวจสอบว่าได้สำรองข้อมูลที่ท่านต้องการเก็บไว้แล้ว
ปิดใช้งานการตั้งค่าให้มีการสแกนได้ตลอดเวลา (Scanning always available)
Android 4.3, 4.4, 5.0 หรือ 5.1
วิธีการปิดใช้งานการตั้งค่าให้มีการสแกนได้ตลอดเวลา (Scanning always available)
- แตะไอคอนหน้าจอแอปพลิเคชันจากหน้าจอหลัก (Home)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → Wi-Fi
- แตะปุ่มเมนู (สามจุดแนวตั้ง)
- แตะที่ ขั้นสูง (Advanced)
- ปิดใช้งาน การตั้งค่าให้มีการสแกนได้ตลอดเวลา (Scanning always available)
ตรวจดูว่าเราเตอร์ของท่านได้รับการรับรอง Wi-Fi หรือไม่
วิธีตรวจสอบว่าเราเตอร์ของท่านได้รับการรับรอง Wi-Fi หรือไม่
- มองหาโลโก้ Wi-Fi CERTIFIED หรือคำนี้บนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์หรือในเอกสารของผลิตภัณฑ์ หรือค้นหาฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ Wi-Fi CERTIFIED ในเว็บไซต์ Wi-Fi Alliance ที่ www.wi-fi.org
การหา MAC แอดเดรส
Android 11 หรือ 12 หรือ 13 หรือ 14
วิธีตรวจสอบที่อยู่ MAC แอดเดรสของอุปกรณ์
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เกี่ยวกับโทรศัพท์ (About phone)
- เลื่อนลงไปเพื่อดู MAC แอดเดรสของอุปกรณ์ Wi-Fi (Device Wi-Fi MAC address)
Android 8.x, 9,10
วิธีตรวจสอบที่อยู่ MAC แอดเดรสของอุปกรณ์
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & Internet) → Wi-Fi → การตั้งค่า Wi-Fi (Wi-Fi preferences) → ขั้นสูง (Advanced)
- เลื่อนลงไปเพื่อดู MAC แอดเดรส
Android 7.0 หรือ 7.1
วิธีตรวจสอบที่อยู่ MAC แอดเดรสของอุปกรณ์
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → Wi-Fi
- แตะที่ปุ่มการตั้งค่า (ล้อเฟือง)
- เลื่อนลงไปเพื่อดู Wi-Fi MAC แอดเดรส
Android 6.0 หรือก่อนหน้านั้น
วิธีตรวจสอบที่อยู่ MAC แอดเดรสของอุปกรณ์
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → Wi-Fi
- แตะที่ปุ่มเมนู (สามจุดแนวตั้ง) → การตั้งค่า (Settings)
- เลื่อนลงไปเพื่อดู Wi-Fi MAC แอดเดรส
การตั้งค่า IP แอดเดรสแบบ Static
Android 9, 10 หรือ 11 หรือ 12 หรือ 13 หรือ 14
วิธีตั้งค่า IP แอดเดรสอุปกรณ์ของท่านด้วยตนเอง
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & Internet) → Wi-Fi / อินเทอร์เน็ต (Internet)
- แตะเครือข่าย Wi-Fi ที่ท่านกำลังเชื่อมต่ออยู่ปัจจุบัน
- แตะไอคอนดินสอ
- แตะที่ ตัวเลือกขั้นสูง (Advanced options) ถ้าหากท่านไม่สามารถดูตัวเลือกนี้ได้ กรุณาปิดแป้นพิมพ์
- ใน การตั้งค่า IP (IP Settings) แตะที่ DHCP
- แตะที่ Static และจากนั้นป้อนการตั้งค่าที่ต้องการเข้าไป
- เมื่อท่านทำเสร็จสิ้นแล้ว แตะที่ บันทึก (Save)
Android 8.0
วิธีตั้งค่า IP แอดเดรสอุปกรณ์ของท่านด้วยตนเอง
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & internet) → Wi-Fi
- แตะค้างที่เครือข่าย Wi-Fi ที่ท่านเชื่อมต่ออยู่ปัจจุบัน จากนั้นแตะที่ แก้ไขเครือข่าย (Modify network)
- แตะที่ ตัวเลือกขั้นสูง (Advanced options) ถ้าหากท่านไม่สามารถดูตัวเลือกนี้ได้ กรุณาปิดแป้นพิมพ์
- ใน การตั้งค่า IP (IP Settings) แตะที่ DHCP
- แตะที่ Static และจากนั้นป้อนการตั้งค่าที่ต้องการเข้าไป
- เมื่อท่านทำเสร็จสิ้นแล้ว แตะที่ บันทึก (Save)
Android 5.0, 6.0, 7.0 หรือ 7.1
วิธีตั้งค่า IP แอดเดรสอุปกรณ์ของท่านด้วยตนเอง
- แตะไอคอนหน้าจอแอปพลิเคชันจากหน้าจอหลัก (Home)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → Wi-Fi
- แตะค้างที่เครือข่าย Wi-Fi ที่ท่านเชื่อมต่ออยู่ปัจจุบัน จากนั้นแตะที่ แก้ไขเครือข่าย (Modify network)
- แตะที่ ตัวเลือกขั้นสูง (Advanced options) ถ้าหากท่านไม่สามารถดูตัวเลือกนี้ได้ กรุณาปิดแป้นพิมพ์
- ใน การตั้งค่า IP (IP Settings) แตะที่ DHCP
- แตะที่ Static และจากนั้นป้อนการตั้งค่าที่ต้องการเข้าไป
- เมื่อท่านทำเสร็จสิ้นแล้ว แตะที่ บันทึก (Save)
Android 4.1, 4.2, 4.3 หรือ 4.4
วิธีตั้งค่า IP แอดเดรสอุปกรณ์ของท่านด้วยตนเอง
- แตะไอคอนหน้าจอแอปพลิเคชันจากหน้าจอหลัก (Home)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → Wi-Fi
- แตะค้างที่เครือข่าย Wi-Fi ที่ท่านเชื่อมต่ออยู่ปัจจุบัน จากนั้นแตะที่ แก้ไขเครือข่าย (Modify network)
- ทำเครื่องหมายที่กล่องใส่เครื่องหมาย แสดงตัวเลือกขั้นสูง (Show advanced options)
- ใน การตั้งค่า IP (IP Settings) แตะที่ DHCP
- แตะที่ Static และจากนั้นป้อนการตั้งค่าที่ต้องการเข้าไป
- เมื่อท่านทำเสร็จสิ้นแล้ว กรุณาแตะที่ บันทึก (Save)
การตรวจดู Wi-Fi sleep policy
Android 8.0
วิธีการตรวจดู Wi-Fi sleep policy
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & Internet) → Wi-Fi → การตั้งค่า Wi-Fi (Wi-Fi preferences) → ขั้นสูง (Advanced) → เปิด Wi-Fi ไว้ในระหว่างพักการทำงาน (Keep Wi-Fi on during sleep)
- เลือกที่ เสมอ (Always) อุปกรณ์จะเชื่อมต่อตลอดเวลากับเครือข่าย Wi-Fi ปัจจุบันแม้ในตอนพร้อมใช้งาน (Standby)
Android 7.0 หรือ 7.1
วิธีการตรวจดู Wi-Fi sleep policy
- แตะไอคอนหน้าจอแอปพลิเคชันจากหน้าจอหลัก (Home)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → Wi-Fi
- แตะที่ไอคอนรูปเฟือง
- แตะที่ เปิด Wi-Fi ไว้ในระหว่างพักการทำงาน (Keep Wi-Fi on during sleep) และเลือกที่ เสมอ (Always) อุปกรณ์จะเชื่อมต่อตลอดเวลากับเครือข่าย Wi-Fi ปัจจุบันแม้ในตอนพร้อมใช้งาน (Standby)
Android 4.2, 4.3, 4.4, 5.0, 5.1 หรือ 6.0
วิธีการตรวจดู Wi-Fi sleep policy
- แตะไอคอนหน้าจอแอปพลิเคชันจากหน้าจอหลัก (Home)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → Wi-Fi
- แตะที่ปุ่มเมนู (สามจุดแนวตั้ง) จากนั้นแตะที่ การตั้งค่า (Settings) หรือ ขั้นสูง (Advanced)
- แตะที่ เปิด Wi-Fi ไว้ในระหว่างพักการทำงาน (Keep Wi-Fi on during sleep) และเลือกที่ เสมอ (Always) อุปกรณ์จะเชื่อมต่อตลอดเวลากับเครือข่าย Wi-Fi ปัจจุบันแม้ในตอนพร้อมใช้งาน (Standby)
หมายเหตุ: กรุณาอ้างอิงกับ ลิงก์นี้ สำหรับข้อมูลเครื่องหมายการค้า