การแก้ปัญหาสมาร์ทโฟน Xperia ทำได้ง่าย ๆ ด้วยเคล็ดลับ 7 ประการเหล่านี้
หัวข้อนี้จะกล่าวถึงวิธีการแก้ปัญหาสำหรับปัญหาทั่วไปของสมาร์ทโฟน Android เช่น
- ประสิทธิภาพของโทรศัพท์ที่ช้าลงโดยทั่วไป
- แอปค้างหรือหยุดการทำงาน
- โทรศัพท์ของท่านหยุดนิ่ง / หยุดค้าง / แสดงหน้าจอสีดำ
ถ้าหากท่านล็อกโทรศัพท์ของท่านเอง กรุณาเข้าไปดูที่ หัวข้อหน้าจอถูกล็อก
1. เปิดการทำงานของการแก้ปัญหาและการทดสอบ Xperia (Troubleshoot and Xperia Tests)
ท่านทราบหรือไม่ว่าโทรศัพท์ Xperia ของเรามีแอปการสนับสนุนในตัวที่จะช่วยท่านทำการแก้ปัญหาและวิเคราะห์ปัญหาได้?
ท่านสามารถหาได้ใน การตั้งค่า (Settings) > การสนับสนุน (Support)
- ภาพรวมอุปกรณ์ (Device Overview) - ตรวจดูสถานะอุปกรณ์ของท่านและการดำเนินการที่แนะนำ
- การแก้ปัญหา (Troubleshoot) - หาวิธีแก้ปัญหาในปัญหานั้น
- เรียนรู้เพิ่มเติม (Learn More) - เรียกดูคู่มือและหัวข้อต่าง ๆ
- การทดสอบ Xperia (Xperia Tests) - ทดสอบเพื่อดูว่าส่วนประกอบทุกตัวของโทรศัพท์ยังคงทำงานอยู่หรือไม่
ช่วยเหลือท่านไม่ได้เลย? ไม่ต้องกังวล ลองมาดูวิธีการแก้ปัญหาที่พบทั่วไปมากที่สุดของสมาร์ทโฟน
2. ทำการเริ่มต้นใหม่ให้โทรศัพท์ของท่าน
หลายคนปล่อยให้โทรศัพท์ของเขาทำการชาร์จไฟและเปิดเครื่องไว้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถรีเฟรชโทรศัพท์ของท่านได้ โดยการเริ่มต้นใหม่แบบธรรมดา
ถ้าหากทานอยู่ในสถานการณ์ที่ท่านไม่สามารถเริ่มต้นใหม่แบบธรรมดาได้ ลองทำการเริ่มต้นใหม่โดยวิธีการบังคับดู
3. การบังคับให้เริ่มต้นใหม่
ท่านสามารถบังคับให้เครื่องปิดและเริ่มต้นใหม่โทรศัพท์ของท่าน ท่านสามารถลองวิธีการใดวิธีการหนึ่งต่อไปนี้ เมื่อโทรศัพท์ของท่านไม่ตอบสนอง:
- บังคับให้เริ่มต้นใหม่: กดค้างที่ ปุ่มเปิดปิด (Power) + ปุ่มระดับเพิ่มเสียง ไว้่นาน 10 วินาที
- บังคับปิดเครื่อง: กดค้างที่ปุ่มเปิดปิด (Power) + ปุ่มเพิ่มระดับเสียง ไว้นาน 30 วินาที หรือจนกระทั่งโทรศัพท์สั่นสามครั้งและปิดตัวลงไป
4. เพิ่มพื้นที่ว่างในหน่วยความจำ
ถ้าหากหน่วยความจำโทรศัพท์ของท่านใกล้เต็ม อาจจะทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องมีการชงักได้
- กรุณาไปที่ การตั้งค่า (Settings) และหา หน่วยความจำ (Storage)
ท่านจะเห็นรายการที่แสดงให้เห็นว่าพื้นที่เก็บข้อมูลของท่านถูกใช้งานอย่างไร (เช่น แอป วิดีโอ รูปภาพ) ท่านสามารถที่จะเลือกถอนการติดตั้งแอปที่ท่านไม่ได้ใช้งานต่อไป หรือทำการโอนภาพไปให้กับคอมพิวเตอร์หรือสติ๊ก USB ได้
วิธีการโอนภาพจากโทรศัพท์ Android ไปให้กับคอมพิวเตอร์
5. ล้างแคชของแอป
ขั้นตอนนี้จะช่วยได้ ถ้าหากแอปมีการหยุดทำงานหรือทำงานช้าลง นอกจากการดาวน์โหลดเวอร์ชันล่าสุดของแอปพลิเคชันแล้ว ท่านยังสามารถทำการล้างแคชของแอปได้ด้วย
แอปจะเก็บไฟล์ต่าง ๆ ไว้สำหรับนำมาใช้งานภายหลัง: เพื่อช่วยให้ สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นและลดเวลาการโหลดลงได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีข้อมูลมากเกินไปในแคช แอปของท่านก็อาจจะทำงานช้าลงได้
- กรุณาไปที่ การตั้งค่า (Settings) และหา หน่วยความจำ (Storage)
- เลือกที่ แอป (Apps)
- ใน หน่วยความจำแอป (Apps Storage) ท่านจะเห็นได้ว่าหน่วยความจำได้ถูกใช้ไปมากน้อยเพียงใด ท่านสามารถเลือกแอปและเลือกระหว่าง ล้างแคช (Clear Cache) หรือ ล้างหน่วยความจำ (Clear Storage) เราแนะนำให้ท่านล้างแคชของท่าน
- การล้างแคชจะเป็นการลบไฟล์ชั่วคราวออก การล้างข้อมูลแคชไม่ได้เป็นการล้างข้อมูลอื่น ๆ เช่น การลงชื่อเข้าใช้หรือเกมที่บันทึกไว้
- การล้างหน่วยความจำแอปจะลบไฟล์ที่บันทึกไว้ทั้งหมดออก สิ่งนี้จะลบข้อมูลแอป รวมถึงชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน ความคืบหน้าของเกม ฯลฯ
ถ้าหากวิธีการเหล่านั้นไม่ช่วยทำให้ประสิทธิภาพของแอปดีขึ้น กรุณาพิจารณาการถอนการติดตั้งและติดตั้งแอปนั้นใหม่
6. เริ่มต้นใหม่โทรศัพท์ของท่านในเซฟโหมด (Safe Mode)
ในเซฟโหมด (Safe Mode) โทรศัพท์ของท่านจะไม่เปิดแอปของบุคคลที่สามที่รบกวนการทำงานขึ้นมา ถ้าหากโทรศัพท์ของท่านทำงานได้ดีในเซฟโหมด (Safe Mode) แสดงว่าแอปหรือไฟล์นั้นทำให้การทำงานมีปัญหา
ในระหว่างที่อยู่ในเซฟโหมด (Safe Mode) ท่านสามารถถอนการติดตั้งแอปและลบไฟล์ต่าง ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น ท่านอาจจะเริ่มจากการลบแอปที่ติดตั้งเข้าไป หรือไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาล่าสุดก่อนการเริ่มเกิดปัญหานั้น
วิธการเริ่มต้นใหม่โทรศัพท์ของท่านในเซฟโหมด (Safe Mode)
- กดปุ่มปิดเปิด (Power) และปุ่มเพิ่มระดับเสียง และตัวเลือกการเปิดเครื่องจะปรากฏขึ้นมา
- ตัวเลือก กดค้าง [ปิดเครื่อง] (Press and hold the [Power off])
- หลังจากสองสามวินาที จะมีข้อความ [รีบูตในเซฟโหมด (Reboot in safe mode)] ปรากฏขึ้นมา เป็นการยินยอมให้ท่านรีบูตเครื่องได้
- เมื่อทำการเริ่มต้นใหม่ จะปรากฏเซฟโหมด (Safe Mode) บนหน้าจอ เพื่อแสดงให้ทราบว่าอยู่ในเซฟโหมด
- เริ่มต้นใหม่โทรศัพท์ของท่านเพื่อกลับไปในโหมดปกติ
7. รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory Reset)
การรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory Reset) จะคืนโทนศัพท์นั้นให้เป็นค่าจากโรงงาน ข้อมูลของท่านทั้งหมดจะหายไป ดังนั้นจึงไม่ควรลืมที่จะทำการสำรองข้อมูลของท่านไว้ถ้าหากทำได้
- ไปที่การตั้งค่า (Settings) → Google → การสำรองข้อมูล (Backup)
วิธีทำการรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory Reset)
- หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) → ระบบ (System) → ตัวเลือกการรีเซ็ต (Reset options)
- แตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data) (รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory reset)) → ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data)
- ถ้าหากท่านต้องการ กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอของท่าน หรือป้อนรหัสผ่าน หรือรหัส PIN เพื่อดำเนินการต่อ
- ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบทุกอย่าง (Erase everything)
- อุปกรณ์ของท่านจะไม่กลับไปเป็น Android เวอร์ชันก่อนหน้าอีกถ้าหากทำการอัปเดต
หากยังคงพบปัญหาเดิม โทรศัพท์ของคุณอาจจำเป็นต้องเข้ารับบริการ หรือติดต่อเรา.