หมายเลข ID หัวข้อ : 00341475 / ปรับปรุงครั้งล่าสุด : 21/04/2024พิมพ์

การแก้ปัญหาสมาร์ทโฟน Xperia ทำได้ง่าย ๆ ด้วยเคล็ดลับ 7 ประการเหล่านี้

    หัวข้อนี้จะกล่าวถึงวิธีการแก้ปัญหาสำหรับปัญหาทั่วไปของสมาร์ทโฟน Android เช่น

    • ประสิทธิภาพของโทรศัพท์ที่ช้าลงโดยทั่วไป
    • แอปค้างหรือหยุดการทำงาน
    • โทรศัพท์ของท่านหยุดนิ่ง / หยุดค้าง / แสดงหน้าจอสีดำ

    ถ้าหากท่านล็อกโทรศัพท์ของท่านเอง กรุณาเข้าไปดูที่ หัวข้อหน้าจอถูกล็อก


    1. เปิดการทำงานของการแก้ปัญหาและการทดสอบ Xperia (Troubleshoot and Xperia Tests)

    ท่านทราบหรือไม่ว่าโทรศัพท์ Xperia ของเรามีแอปการสนับสนุนในตัวที่จะช่วยท่านทำการแก้ปัญหาและวิเคราะห์ปัญหาได้?

    ท่านสามารถหาได้ใน การตั้งค่า (Settings) > การสนับสนุน (Support)

    • ภาพรวมอุปกรณ์ (Device Overview) - ตรวจดูสถานะอุปกรณ์ของท่านและการดำเนินการที่แนะนำ
    • การแก้ปัญหา (Troubleshoot) - หาวิธีแก้ปัญหาในปัญหานั้น
    • เรียนรู้เพิ่มเติม (Learn More) - เรียกดูคู่มือและหัวข้อต่าง ๆ
    • การทดสอบ Xperia (Xperia Tests) - ทดสอบเพื่อดูว่าส่วนประกอบทุกตัวของโทรศัพท์ยังคงทำงานอยู่หรือไม่

    ช่วยเหลือท่านไม่ได้เลย? ไม่ต้องกังวล ลองมาดูวิธีการแก้ปัญหาที่พบทั่วไปมากที่สุดของสมาร์ทโฟน


    2. ทำการเริ่มต้นใหม่ให้โทรศัพท์ของท่าน

    หลายคนปล่อยให้โทรศัพท์ของเขาทำการชาร์จไฟและเปิดเครื่องไว้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถรีเฟรชโทรศัพท์ของท่านได้ โดยการเริ่มต้นใหม่แบบธรรมดา

    ถ้าหากทานอยู่ในสถานการณ์ที่ท่านไม่สามารถเริ่มต้นใหม่แบบธรรมดาได้ ลองทำการเริ่มต้นใหม่โดยวิธีการบังคับดู


    3. การบังคับให้เริ่มต้นใหม่

    ท่านสามารถบังคับให้เครื่องปิดและเริ่มต้นใหม่โทรศัพท์ของท่าน ท่านสามารถลองวิธีการใดวิธีการหนึ่งต่อไปนี้ เมื่อโทรศัพท์ของท่านไม่ตอบสนอง:

    • บังคับให้เริ่มต้นใหม่: กดค้างที่ ปุ่มเปิดปิด (Power) + ปุ่มระดับเพิ่มเสียง ไว้่นาน 10 วินาที
    • บังคับปิดเครื่อง: กดค้างที่ปุ่มเปิดปิด (Power) + ปุ่มเพิ่มระดับเสียง ไว้นาน 30 วินาที หรือจนกระทั่งโทรศัพท์สั่นสามครั้งและปิดตัวลงไป

    4. เพิ่มพื้นที่ว่างในหน่วยความจำ

    ถ้าหากหน่วยความจำโทรศัพท์ของท่านใกล้เต็ม อาจจะทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องมีการชงักได้

    • กรุณาไปที่ การตั้งค่า (Settings) และหา หน่วยความจำ (Storage)

    ท่านจะเห็นรายการที่แสดงให้เห็นว่าพื้นที่เก็บข้อมูลของท่านถูกใช้งานอย่างไร (เช่น แอป วิดีโอ รูปภาพ) ท่านสามารถที่จะเลือกถอนการติดตั้งแอปที่ท่านไม่ได้ใช้งานต่อไป หรือทำการโอนภาพไปให้กับคอมพิวเตอร์หรือสติ๊ก USB ได้


    5. ล้างแคชของแอป

    ขั้นตอนนี้จะช่วยได้ ถ้าหากแอปมีการหยุดทำงานหรือทำงานช้าลง นอกจากการดาวน์โหลดเวอร์ชันล่าสุดของแอปพลิเคชันแล้ว ท่านยังสามารถทำการล้างแคชของแอปได้ด้วย

    แอปจะเก็บไฟล์ต่าง ๆ ไว้สำหรับนำมาใช้งานภายหลัง: เพื่อช่วยให้ สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นและลดเวลาการโหลดลงได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีข้อมูลมากเกินไปในแคช แอปของท่านก็อาจจะทำงานช้าลงได้

    1. กรุณาไปที่ การตั้งค่า (Settings) และหา หน่วยความจำ (Storage)
    2. เลือกที่ แอป (Apps)
    3. ใน หน่วยความจำแอป (Apps Storage) ท่านจะเห็นได้ว่าหน่วยความจำได้ถูกใช้ไปมากน้อยเพียงใด ท่านสามารถเลือกแอปและเลือกระหว่าง ล้างแคช (Clear Cache) หรือ ล้างหน่วยความจำ (Clear Storage) เราแนะนำให้ท่านล้างแคชของท่าน
      • การล้างแคชจะเป็นการลบไฟล์ชั่วคราวออก การล้างข้อมูลแคชไม่ได้เป็นการล้างข้อมูลอื่น ๆ เช่น การลงชื่อเข้าใช้หรือเกมที่บันทึกไว้
      • การล้างหน่วยความจำแอปจะลบไฟล์ที่บันทึกไว้ทั้งหมดออก สิ่งนี้จะลบข้อมูลแอป รวมถึงชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน ความคืบหน้าของเกม ฯลฯ

    ถ้าหากวิธีการเหล่านั้นไม่ช่วยทำให้ประสิทธิภาพของแอปดีขึ้น กรุณาพิจารณาการถอนการติดตั้งและติดตั้งแอปนั้นใหม่


    6. เริ่มต้นใหม่โทรศัพท์ของท่านในเซฟโหมด (Safe Mode)

    ในเซฟโหมด (Safe Mode) โทรศัพท์ของท่านจะไม่เปิดแอปของบุคคลที่สามที่รบกวนการทำงานขึ้นมา ถ้าหากโทรศัพท์ของท่านทำงานได้ดีในเซฟโหมด (Safe Mode) แสดงว่าแอปหรือไฟล์นั้นทำให้การทำงานมีปัญหา
    ในระหว่างที่อยู่ในเซฟโหมด (Safe Mode) ท่านสามารถถอนการติดตั้งแอปและลบไฟล์ต่าง ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น ท่านอาจจะเริ่มจากการลบแอปที่ติดตั้งเข้าไป หรือไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาล่าสุดก่อนการเริ่มเกิดปัญหานั้น

    วิธการเริ่มต้นใหม่โทรศัพท์ของท่านในเซฟโหมด (Safe Mode)

    1. กดปุ่มปิดเปิด (Power) และปุ่มเพิ่มระดับเสียง และตัวเลือกการเปิดเครื่องจะปรากฏขึ้นมา
    2. ตัวเลือก กดค้าง [ปิดเครื่อง] (Press and hold the [Power off])
    3. หลังจากสองสามวินาที จะมีข้อความ [รีบูตในเซฟโหมด (Reboot in safe mode)] ปรากฏขึ้นมา เป็นการยินยอมให้ท่านรีบูตเครื่องได้
    4. เมื่อทำการเริ่มต้นใหม่ จะปรากฏเซฟโหมด (Safe Mode) บนหน้าจอ เพื่อแสดงให้ทราบว่าอยู่ในเซฟโหมด
    5. เริ่มต้นใหม่โทรศัพท์ของท่านเพื่อกลับไปในโหมดปกติ

    7. รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory Reset)

    การรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory Reset) จะคืนโทนศัพท์นั้นให้เป็นค่าจากโรงงาน ข้อมูลของท่านทั้งหมดจะหายไป ดังนั้นจึงไม่ควรลืมที่จะทำการสำรองข้อมูลของท่านไว้ถ้าหากทำได้

    • ไปที่การตั้งค่า (Settings) → Google → การสำรองข้อมูล (Backup)

    วิธีทำการรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory Reset)

    1. หาและแตะที่ การตั้งค่า (Settings) ระบบ (System) ตัวเลือกการรีเซ็ต (Reset options)
    2. แตะที่ ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data) (รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory reset))ลบข้อมูลทั้งหมด (Erase all data)
    3. ถ้าหากท่านต้องการ กรุณาวาดรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอของท่าน หรือป้อนรหัสผ่าน หรือรหัส PIN เพื่อดำเนินการต่อ
    4. ในการยืนยัน กรุณาแตะที่ ลบทุกอย่าง (Erase everything)
      • อุปกรณ์ของท่านจะไม่กลับไปเป็น Android เวอร์ชันก่อนหน้าอีกถ้าหากทำการอัปเดต

    หากยังคงพบปัญหาเดิม โทรศัพท์ของคุณอาจจำเป็นต้องเข้ารับบริการ หรือติดต่อเรา.