รายละเอียดการอัพเดตซอฟต์แวร์สำหรับ Android TV™ - Android™ 9 Pie (สำหรับเครื่องรุ่นปี 2561)
การอัปเดตซอฟต์แวร์ Android 9 Pie เริ่มขึ้นแล้วในเดือนธันวาคม 2562 ซึ่งจะทยอยปล่อยให้อัปเดตตามกำหนดการสำหรับ Android TV ของรุ่นต่างๆ
บทความนี้จะอธิบายถึงคุณสมบัติใหม่ๆ รวมถึงการปรับปรุงและการเปลี่ยนแปลงที่มีให้ในการอัปเดตนี้ การปล่อยอัปเดตอัตโนมัตินี้จะเริ่มจากรุ่น LCD ที่มีสิทธิ์ (Z9F ซีรีย์) และจากนั้นจะขยายไปยังรุ่น BRAVIA OLED Master Series (A9F ซีรีส์) ในช่วงต้นปี 2563 วันที่ที่แท้จริง ที่ทีวีของท่านจะได้รับการอัปเดตอัตโนมัติจะแตกต่างกันไปและอาจอยู่ในช่วงภายในไม่กี่สัปดาห์ถึง 2-3 เดือน
หมายเหตุ:หากท่านเปิดใช้งานคุณสมบัติการตรวจสอบการอัปเดตอัตโนมัติ จะมีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นบน TV ของท่าน เมื่อพร้อมสำหรับการอัปเดต
เมื่อท่านพร้อมที่จะทำการอัปเดตซอฟต์แวร์ของทีวีนี้แล้ว ให้กดที่ปุ่ม ช่วยเหลือ (HELP) บนตัวรีโมทคอนโทรล และจากนั้นให้เลือกที่ อัปเดตซอฟต์แวร์ระบบ
ฟีเจอร์ และการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงในเมนูและหน้าจอฟีเจอร์ใหม่
ฟีเจอร์ที่ไม่รองรับอีกต่อไป
การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้
Z9F ซีรีส์A9F ซีรีส์
การเปลี่ยนแปลงในเมนูและหน้าจอ
- ออกแบบให้ใหม่สำหรับ เมนูการดำเนินงาน (Quick Settings) จากปุ่ม ACTION MENU
เมนู เมนูการตั้งค่าเร็ว (Quick Settings) จะแสดงขึ้นมาเมื่อท่านกดที่ปุ่ม ACTION MENU บนตัวรีโมทคอนโทรล
ในเมนู ให้เลือกที่ การตั้งค่า (Settings) เพื่อดูและเปลี่ยนการตั้งค่าทีวีของท่าน ท่านสามารถจะทำการปรับภาพและเสียงได้ในระหว่างการรับชมคอนเทนท์
ท่านสามารถใช้ แก้ไข (Edit) ทำการเพิ่มการตั้งค่าที่ใช้บ่อย หรือลบอันที่ไม่จำเป็นออกได้ ถ้าต้องการเปลี่ยนลำดับของการนำเสนอของการตั้งค่า ให้ไฮไลท์รายการนั้น จากนั้นกดค้างที่ปุ่ม Enter บนตัวรีโมทคอนโทรล
ดูในวิดีโอของ เมนูการตั้งค่าเร็ว (Quick Settings) ด้านล่าง
- เพิ่มเมนู อินพุต (Input) ที่กำหนดเองได้
เข้าไปใน TV และอุปกรณ์ HDMI ที่เชื่อมต่ออยู่ ท่านสามารถเลือกไดร์ฟ USB ได้จากเมนูใหม่นี้
ท่านยังสามารถใช้ แก้ไข (Edit) ทำการเพิ่มแอปที่ใช้งานบ่อยเช่น YouTube หรือ Netflix ได้ด้วย ถ้าต้องการเปลี่ยนลำดับของการนำเสนอของการตั้งค่า ให้ไฮไลท์รายการนั้น จากนั้นกดค้างที่ปุ่ม Enter บนตัวรีโมทคอนโทรล
ดูในวิดีโอของเมนู อินพุต (Input) ด้านล่าง
- เมนู การตั้งค่า (Settings) ที่ทันสมัย ตัวเลือก การตั้งค่า (Settings) ทั้งหมดได้รับการรวมกลุ่มไว้เป็น 7 กลุ่ม
- การรับชมทีวี (Watching TV): การตั้งค่าของการรับสัญญาณที่ส่งออกอากาศ เช่นการเซ็ตอัปช่องสัญญาณ คำบรรยาย การควบคุมของผู้ปกครอง กล่องรับสัญญาณดาวเทียม / เคเบิล (รุ่นที่ใช้ได้กับ IR Blaster เท่านั้น) ฯลฯ
- การแสดงผลและการปรับเสียง (Display & Sound): การตั้งค่าสำหรับการปรับภาพและเสียง
- เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต (Network & Internet)): การตั้งค่าสำหรับอินเทอร์เน็ตและการเชื่อมต่อเครือข่ายในบ้าน
- บัญชีผู้ใช้และการลงชื่อเข้าใช้งาน (Accounts & Sign In): การตั้งค่าของบัญชี Google
- แอป (Apps): การตั้งค่าสำหรับแอป
- ค่ากำหนดอุปกรณ์ (Device Preferences): การตั้งค่าอุปกรณ์อื่น ๆ เช่นวันที่และเวลา ภาษา การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึง Chromecast built-in ฯลฯ
- รีโมทและอุปกรณ์เสริม (Remotes & Accessories): การตั้งค่าสำหรับรีโมทคอนโทรลและการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth
- การเปลี่ยนถ่ายที่ราบรื่นขึ้นสำหรับรายการช่องและคู่มือทีวี (TV Guide) แบบครบถ้วน
กดที่ปุ่ม TV บนตัว รีโมทคอนโทรลในขณะที่แสดงรายการช่องของ TV Menu
เมื่อท่านเลือก จัดการทีวี (TV control) ที่มุมล่างซ้ายของ TV Menuฟังก์ชันต่าง ๆ ที่มีให้ในระหว่างที่ท่านรับชมทีวีจะแสดงขึ้นมา เช่น การแสดงผลหลายแหล่งพร้อมกัน (Picture-in-picture) และ เพิ่มเป็นรายการที่ชอบ (Add to Favorite)
ท่านสามารถกดที่ปุ่่ม ↓(ชี้ลง) บนตัวรีโมทคอนโทรลเพื่อให้แสดงคู่มือโปรแกรม และปุ่ม ↑(ชี้ขึ้น) เพื่อกลับไปที่ เมนูทีวี (TV menu) ในระหว่างที่อยู่ในคู่มือโปรแกรม ท่านยังคงสามารถดูรายการแสดงที่ท่านรับชมอยู่ในหน้าจอเล็กที่แสดงขึ้นมาได้
- ปรับปรุงการตั้งค่าของ IR blaster (เฉพาะรุ่นที่ใช้ได้กับ IR Blaster ที่มี การติดตั้ง IR Blaster (IR Blaster setup))
ชื่อของ การติดตั้ง IR Blaster (IR Blaster setup) ได้มีการเปลี่ยนใหม่เป็น การตั้งค่าช่องเคเบิล/ดาวเทียม (Cable/Satellite box setup)
เพื่อที่จะเข้าไปที่เมนูสั่งงานสำหรับกล่องรับสัญญาณดาวเทียม/เคเบิล (กล่องเซ็ตทอป) ท่านจะต้องกดที่ปุ่ม TV บนตัวรีโมทแทนปุ่ม ACTION MENU ถ้าหากกล่องรับสัญญาณดาวเทียม/เคเบิล (กล่องเซ็ตทอป) มีการใช้ Channel lineup setup ใน การตั้งค่าช่องเคเบิล/ดาวเทียม (Cable/Satellite box setup) ทีวีสด (Live TV) จะแสดงขึ้นมา และรายการของโปรแกรมต่างๆ ที่ท่านสามารถรับชมได้จะแสดงออกมาเมื่อท่านเลือกที่ ทีวีสด (Live TV)
- ตั้งค่าเมนูการใช้งาน HDMI IN ใหม่
เพื่อเข้าไปที่ โฮม (เมนู) (Home (Menu)), ตัวเลือก (Options) และ การแสดงผลหลายแหล่งพร้อมกัน (Picture-in-picture) ในตอนนี้ท่านจะต้องกดที่ ตั้งค่าภาพ (DISPLAY) : ปุ่ม(แสดงข้อมูล (Info)) บนตัวรีโมทแทนปุ่ม เมนูดำเนินการ (ACTION MENU)
การแสดงผลหลายแหล่งพร้อมกัน (Picture-in-picture) ได้มีการเปลี่ยนไปเป็น ไอคอน (Picture-in-picture)
- เมนู รีสตาร์ท (Restart) อันใหม่
เมนู รีสตาร์ท (Restart) จะแสดง บนหน้าจอทีวี โดยการกดค้างที่ปุ่ม เปิดปิด (power) บนตัว รีโมทคอนโทรลทีวีนานสองสามวินาที
ฟีเจอร์ใหม่ ๆ
- รองรับ Apple AirPlay / HomeKit
โดยใช้ Apple AirPlay ท่านสามารถทำการ สตรีม ภาพยนตร์ เพลง เกม และ ภาพถ่าย ไปให้กับทีวีของท่าน จากเครื่อง iPhone, iPad, หรือ Mac ของท่าน
- รองรับ Dolby Atmos ในตัว ผ่านทางลำโพงในตัวของทีวี’
ลำโพงของทีวีสามารถจะเล่น Dolby Atmos ได้แล้ว
นอกจากนี้ โหมดเสียง (Sound mode) จะสลับไปเป็น Dolby Audio ตามการอัปเดตซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติ ท่านจึงสามารถเพลิดเพลินกับคอนเทนท์ที่เป็น Dolby Atmos ได้ - แอปวิดีโอ (Video)/อัลบั้ม (Album)/เพลง (Music) จะรวมกันอยู่ในแอป เครื่องเล่นสื่อ (Media Player)
วิดีโอ รูปถ่ายและเพลงจะสามารถดูได้เป็นรายการในแอป เครื่องเล่นสื่อ (Media Player)
- รองรับ HEVC 100/120Hz
รองรับฟอร์แมท HEVC 100/120Hz สำหรับการเล่นวิดีโอ USB
ฟีเจอร์ที่ไม่มีการรองรับอีกต่อไป
- ลบฟีเจอร์หน้าจอคงที่ของ Teletext ออกไป
ฟีเจอร์ (Text hold) ที่จะแสดงเมื่อกดปุ่ม (อินพุต (INPUT)) บนตัว รีโมทคอนโทรลในขณะที่แสดง Teletext จะถูกลบออกไป
การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ
- มีการเปลี่ยนไอคอนในหน้าจอ โฮม (Home)
มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบในบางไอคอน และมีการเพิ่มไอคอน ตั้งเวลา (Timer) เข้าไปที่มุมบนด้านขวามือของหน้าจอ โฮม (Home) - การเปลี่ยนแปลงของไมค์ (Mic)
การเลือกของไอคอนไมค์ในหน้าจอโฮมและหน้าจออื่นๆ ได้เปลี่ยนไปใช้ ไมค์ในตัว (Built-in MIC) แทนไมค์บนตัวรีโมทคอนโทรล - การแสดงของไฟ LED ส่องสว่าง ในระหว่างการตรวจพบ “Ok Google”
ไฟ LED ส่องสว่าง (สีเหลือง) จะกะพริบ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีการตรวจพบ “Ok Google” ในไมโครโฟนในตัว (Built-in MIC) ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ทั้งในโหมดสแตนด์บายและเมื่อทีวีเปิดอยู่ - มีการเพิ่ม โหมดส่งต่อ (Pass through mode)
มีการเพิ่มการตั้งค่าของ โหมดส่งต่อ (Pass through mode) ซึ่งสามารถให้สัญญาณเสียงที่มีการบีบอัดออกไปให้กับระบบเสียงและSoundbarได้
หมายเหตุ: เมื่อ โหมดส่งต่อ (Pass through mode) มีการตั้งไว้ การปรับเสียงต่างๆ เช่น เสียงปุ่มทีวี หรือเสียงตอบสนอง อาจจะไม่มีออกมา หรือฟีเจอร์การจดจำเสียงของไมโครโฟนในตัว (Built-in MIC) อาจจะมีประสิทธิภาพน้อยลงได้
*iPhone, iPad, Mac, AirPlay และ HomeKit เป็นเครื่องหมายการค้าของ Apple Inc., จดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริการ และประเทศอื่น ๆ